จากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อชะลอการระบาดของโรค COVID-19 ใน กรุงโรม
ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ต้นมีนาคม 2563 และใช้เวลานานเกือบจะ 2 เดือน
ส่งผลให้ร้านอาหารและร้านกาแฟจะต้องปิดทำการ ถนนหนทางไม่มีผู้คน
และสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคราวนี้ก็คือ “นกนางนวล” ใน กรุงโรม
ที่ปกติจะกินเศษอาหารที่คนทิ้งเอาไว้ จนต้องกลับสู่วิถีธรรมชาติของนกนักล่า
โดยหันมาล่าหนู นกพิราบ และนกขนาดเล็กอื่นๆ
บรูโน ซิญนินี นักสัตววิทยาจากมหาวิทยาลัย Rome University Tor Vergata
กล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า
นอกจากนกนางนวลในกรุงโรมจะล่านกพิราบรวมทั้งนกแบล็กเบิร์ดเป็นหลักแล้ว
ยังกินปลาในแม่น้ำไทเบอร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีก็คือ นกนางนวลพวกนี้ยังกินหนูด้วย
“สัตว์ก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหมือนพวกเรานี่แหละ” ซิญนินีกล่าว
อย่างไรก็ตาม การกินนกพิราบและก็หนูไม่ใช่ทางเลือกใหม่ในการกินอาหารของนกนางนวลพวกนี้ แต่ว่าใช้วิธีจิกเหยื่อตามรายทาง
และขณะนี้ นกนางนวลขาเหลืองก็กลับมาใช้สัญชาตญาณนักล่าเพื่อเอาชีวิตรอด
ประชากรนกนางนวลในกรุงโรมเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าหมื่นตัว และกลายเป็นสัตว์รบกวนที่มีพฤติกรรมดุร้าย ซึ่งมักจะรุกรานนักท่องเที่ยว และฉกชิงของกินจากมือของคนที่เดินผ่านไปๆมาๆ
ส่วนปัญหาขยะในเมืองซึ่งนับว่าเป็น “วิกฤต” ของเมืองหลวงแห่งนี้ ก็ดึงดูดให้นกนางนวลและก็สัตว์ที่ไม่ได้รับเชิญอย่างหมูป่า
นกแก้วขนาดเล็ก และคอยพู ซึ่งเป็นสัตว์ฟันแทะจากอเมริกาใต้ เข้ามาในเมืองและสร้างปัญหาด้านสุขอนามัย
โดยเมื่อปีที่แล้ว มัตเตโอ ซาลวินี อดีตรองนายกฯของอิตาลี พูดว่า นกนางนวลในโรม “มีขนาดเท่านกยักษ์”